3 February 2022

กระดุมเม็ดแรก

โดย สุรีพันธุ์  เสนานุช
sureephan02@gmail.com

บทความแรก ‘หลุมพรางของการถอดองค์ความรู้’ ในชุดความรู้ ‘KM Insight through Knowledge Capturing’ ได้เกริ่นว่าการถอดองค์ความรู้เป็นกระบวนการที่ไม่ง่าย ดังนั้นจะลงทุนลงแรงดำเนินการจึงควรพิจารณาให้รอบด้านว่าคุ้มหรือไม่ พร้อมหรือไม่ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการจัดการความรู้ขององค์กรมาถูกทางหรือไม่

ทฤษฎีการจัดการความรู้มีหลายสำนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นสำนักไหน 

ความหมายของคำว่า ‘มาถูกทาง’ ก็คือ มีผลลัพธ์ที่วัดได้ชัดเจนต่อความสำเร็จขององค์กร

ความสำเร็จในภาพรวม คือการบรรลุตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ ซึ่งก็ต้องมาจากความสำเร็จของหน่วยงานแต่ละหน่วย จาก KPI ที่กำหนดไว้เป็นระดับพื้นฐาน สูงกว่านั้นก็คือการเกิดนวัตกรรมในการทำงานที่ส่งผลให้การขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จอย่างลื่นไหล ต้นทุนต่ำ ใช้เวลาสั้นลง และคนทำงานมีความสุข

ถ้าการจัดการความรู้ในองค์กรทำให้เกิดผลลัพธ์ดังที่กล่าวมา ก็แสดงว่า ‘มาถูกทาง’ แล้ว การถอดองค์ความรู้จึงจะเป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าแก่การหยิบมาใช้

แต่ถ้าคำตอบคือยังไม่แน่ใจ หรือยังไม่สามารถเชื่อมโยงไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขอให้กลับไปตั้งต้นใหม่ เพราะการจัดการความรู้เปรียบเสมือนกระดุมเม็ดแรก ซึ่งถ้าติดผิดทุกอย่างก็สูญเปล่า

ไม่มีการปฏิบัติงานใดที่ไม่ต้องใช้ความรู้ แต่ความรู้นั้นต้องมีการจัดการให้ตอบสนองเป้าหมายในทิศทางเดียวกันเท่านั้นเอง

ดังนั้น เพื่อให้การจัดการความรู้เข้าใจได้ง่าย นำไปปฏิบัติได้จริง
ผู้บริหารอาจจำเป็นต้องนำมาตีความและเรียบเรียงแนวทางใหม่ให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กร และคนทำงาน

 

ตัวอย่าง การจัดการความรู้ของกรมอนามัย

ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปถอดประสบการณ์การทำงานเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ กรมอนามัยเริ่มดำเนินการการจัดการความรู้ในปี พ.ศ. 2547 พร้อม ๆ กับหน่วยงานภาครัฐทั้งประเทศ หลังจากดำเนินการมาได้ 8 ปี เกิดผลลัพธ์ที่ส่งผลต่อการพัฒนาองค์กรอย่างชัดเจนในหลายเรื่องได้แก่ ความสัมพันธ์และความสุขของคนทำงาน วิธีทำงานใหม่ๆ การสร้างองค์ความรู้ในการทำงาน ที่สำคัญที่สุดก็คือการก้าวไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ จากการที่คนทำงานสนุกกับการเรียนรู้ แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง

จุดเริ่มต้นมาจากผู้บริหารระดับสูงในขณะนั้นคือนายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานในการจัดการความรู้ เนื่องจากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวมาอย่างลึกซึ้ง จึงกำหนดเป้าหมายให้ง่ายต่อการปฏิบัติ 3 ประเด็นคือ

เป้าหมายนี้ถ่ายทอดไปยังหน่วยงานย่อยของกรมอนามัยทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่ประกอบไปด้วยศูนย์อนามัยทั่วประเทศ ซึ่งเกิดผลลัพธ์ที่น่าตื่นใจ และเมื่อนำเอาการดำเนินการตามเป้าหมายทั้ง 3 ประเด็นมาอธิบายในกรอบทฤษฎีการจัดการความรู้แต่ละสำนักก็สามารถใช้ได้ไม่ต่างกัน

การจัดการความรู้ของกรมอนามัยเป็นแนวทางที่เรียบง่ายและได้ผลจริง บางองค์กรที่ใช้การดำเนินการตามกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าก็ประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้กุมบังเหียนในการดำเนินการว่าจะมีความเข้าใจในการเชื่อมโยงไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร

 

องค์กรที่ผู้เขียนได้เห็นความสำเร็จในเรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจนก็คือ สายออกบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย (สอบ.)

ซึ่งได้รับรางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ (Thailand Quality class) ในปี พ.ศ. 2560 สอบ. มีการดำเนินการจัดการความรู้ที่มีกระบวนการ และวิธีการปฏิบัติที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน มีการวัดผลลัพธ์เพื่อให้ตอบสนองวิสัยทัศน์และพันธกิจตามที่กำหนด ด้วยการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น เป็นส่วนสำคัญในการสร้างนวัตกรรมในกระบวนการผลิต ซึ่งตอบโจทย์กลยุทธ์หลักที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ จึงเป็นที่มาของวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศขององค์กรนั่นคือ “การสร้างนวัตกรรมเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน”

ผู้สนใจสามารถอ่านเนื้อหาโดยละเอียดในรายงานวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) ในเว็บไซต์ของOffice of Thailand Quality Award

 

การถอดองค์ความรู้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลายองค์กรดำเนินการจนเกือบจะกลายเป็นหนึ่งในประเพณีของการจัดการความรู้ก็ว่าได้ แต่มีไม่กี่องค์กรที่ได้รับความคุ้มค่าในการลงทุน

ดังนั้น จุดตั้งต้นก็คือการตั้งคำถามให้ตนเองว่าการจัดการความรู้ที่ดำเนินการมานั้น ‘มาถูกทาง’ หรือไม่

แนะนำหลักสูตร
Knowledge Capturing (เทคนิคการถอดองค์ความรู้)
👉 คลิก




Writer

โดย สุรีพันธุ์ เสนานุช

• วิทยากรอิสระ ด้านการถอดบทเรียนและการเขียนบทความวิชาการ
• ประสบการณ์ งานวิจัยและบรรณาธิการต้นฉบับ หนังสือกรณีศึกษาการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) ขององค์กรที่ได้รับรางวัล คุณภาพแห่งชาติ TQA และ TQC,
• โครงการวิจัยการถอดบทเรียนการจัดการความรู้ กรมอนามัย,
• ผลงานด้านหนังสือ บทบรรณาธิการ และบทความใน วารสาร Productivity World สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จำนวน 160 บทความ,
• ผลงานเขียนหนังสือ Visionary Leadership กรณีศึกษาโรงพยาบาลสงขลานครินทร์,
• ผลงานเขียนหนังสือ Tragedy of Lost โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ, Societal Responsibility กรณีศึกษาบริษัท สวิฟท์ จำกัด ของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ (งานเขียนร่วม) เป็นต้น