8 พฤศจิกายน 2022

เมื่อโลกและบริบทเปลี่ยน

Productivity จะต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร

 

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งโลกต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆที่ถาโถมเข้ามา จนภาคธุรกิจต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับบริบทความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างเต็มที่ Productivity ก็เช่นกันจะถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง องค์ประกอบของผลิตภาพจะยังคงต้องเน้นในเรื่องของ QCDSMEE อยู่แบบเดิมหรือไม่ รวมไปถึง ความก้าวหน้าเรื่องของเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จะเข้ามามีบทบาทอย่างไรในการขับเคลื่อนผลิตภาพในอนาคต

 

กว่าจะมาถึง Productivity 4.0
หากเรามองย้อนกลับไปดู พัฒนาการของ Productivity ในแต่ละช่วงของการพัฒนา อุตสาหกรรมไทยจะพบว่า เราเริ่มต้นจากความพยายายามเพิ่มผลิตภาพจากการปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในมุมมองขององค์กร พลังของผู้บริโภคและการเรียกร้องการปรับเปลี่ยนต่างๆรวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัยมีผลต่อพัฒนาการของ Productivity

 

Productivity 1st ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคแรกๆ จะเป็นการผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ และการผลิตเพื่อการส่งออก ดังนั้นผลิตภาพในช่วงนี้จะให้ความสำคัญใน 4 เรื่อง คือ คุณภาพ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และการมีมาตรฐานการผลิต

Productivity 2nd เป็นพัฒนาการช่วงการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ มีมุมมองการขับเคลื่อนผลิตภาพจากปัจจัยที่ไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยทุนและปัจจัยแรงงาน เริ่มมีการมองปัจจัยที่ส่งผลต่อ Total Factor Productivity ที่เข้ามาสนับสนุนกระบวนการผลิต อาทิเช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การพัฒนาทักษะแรงงานเพิ่มขึ้น การบริหารจัดการที่เป็นเลิศ เป็นต้น

Productivity 3rd เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ยังคงให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรม รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ โดยมีกรอบแนวคิดการเพิ่มผลิตภาพเป็นพื้นฐานสำคัญ

Productivity 4.0 เป็นช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมไปสู่ Smart Factory, Smart Business เทคโนโลยีสารสนเทศมีความทันสมัยและเข้าถึงได้ง่าย เริ่มเห็นพลังจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะพลังจากผู้บริโภคที่จะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนผลิตภาพมากขึ้น ดังนั้นในองค์ประกอบของ QCDSMEE สำหรับ Next Level of Productivity ต่อจากนี้ สิ่งแวดล้อมและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจจะเป็นปัจจัยหลักที่มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นให้เกิดการขับเคลื่อนผลิตภาพมากกว่าในอดีต และ QCDSM จะต้องสอดคล้องกับ E 2 ตัวนี้

 

4 กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Next Level of Productivity

4 กลไกหลักในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านผลิตภาพเพื่อตอบองค์ประกอบ QCDSMEE ในยุคของเศรษฐกิจ     ที่ขับเคลื่อนด้วยฐานความรู้ ดิจิทัลเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประกอบด้วย

1.Business Upgrading : การเร่งยกระดับกระบวนการด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความท้าทายขององค์กร
2.Future Skill : การพัฒนาทักษะและส่งเสริมสร้างองค์ความรู้ High Skilled Workforce สำหรับ Future of Work
3.Innovation & Creativity : การจัดการเพื่อสร้างนวัตกรรม เพื่อการเพิ่มผลิตภาพอย่างยั่งยืน สามารถตอบสนองทันต่อการเปลี่ยนแปลงและต้องทำให้มีการปรับปรุงอย่างก้าวกระโดด
4.Data Analytic & Digital Tech : การออกแบบและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจดำเนินธุรกิจอย่างเหนือชั้น

 

ทั้งนี้ในการจะขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านผลิตภาพให้ประสบความสำเร็จและช่วยผู้ประกอบการให้สามารถเพิ่มผลิตภาพได้อย่างยั่งยืนนั้น จะต้องมีกลยุทธ์หรือปัจจัยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมจากภาครัฐให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมตลอดห่วงโซ่คุณค่า การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน และกฎระเบียบต่างๆที่เอื้อต่อการยกระดับผลิตภาพ ในมุมของธุรกิจเองก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการที่ทันต่อบริบทการเปลี่ยนแปลง มีการเสริมสร้างทักษะความเชี่ยวชาญของบุคคลากรหรือแรงงานที่สามารถตอบสนองธุรกิจ/อุตสาหกรรมแห่งอนาคตและระบบเศรษฐกิจใหม่

 

ที่มา: Next Level of Productivity : ยกระดับผลิตภาพไทย ก้าวสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยคุณนันทพร อังอติชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ https://youtu.be/T5xFbte0ErA

 




Writer

โดย นันทพร อังอติชาติ

ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ