20 กรกฎาคม 2015

CSR-hand

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีบทความชิ้นเล็ก ๆ ที่น่าสนใจของ BBC เกี่ยวกับเด็กชายวัย 10 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในเมือง Ashland,  รัฐ Oregon สหรัฐอเมริกาที่ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมจนเป็นผลสำเร็จอย่างน่าทึ่ง

เรื่องราวเริ่มต้นที่แม่ของ Charlie ให้ดูวิดีโอใน You Tube เป็นสารคดีสั้น ๆ เกี่ยวกับฝูงนกที่อาศัยอยู่บริเวณชายหาด บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือซึ่งนอนตายกันเกลื่อนกลาดเพราะกินขยะพลาสติกเข้าไป ซากนกที่เน่าเปื่อย เห็นภายในกระเพาะอาหารอัดแน่นด้วยขยะพลาสติก เป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจให้สองแม่ลูกเป็นอันมาก ด้วยคำถามเชิงรำพึงจากแม่ว่าแล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง ทำให้เด็กชายเริ่มต้นคิดถึงการลดการใช้ภาชนะพลาสติกในโรงเรียนของเขา โดยการเขียนจดหมายถึงหัวหน้าฝ่ายจัดการโรงอาหารให้เปลี่ยนภาชนะที่ใช้แล้วทิ้งซึ่งเป็นพลาสติกมาใช้ภาชนะโลหะ ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้  แต่เมื่อหัวหน้าฝ่ายจัดการฯ ตอบจดหมายเขาว่าโรงอาหารสามารถทำได้ แต่เด็กนักเรียนเองนั่นแหละที่เคยชินกับการใช้แล้วทิ้ง หากเป็นเช่นนั้นการเปลี่ยนเป็นภาชนะโลหะก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น Charlie DeSalvo จึงไปที่สภานักเรียนเพื่อนำเสนอในเรื่องนี้  เด็ก ๆ ร่วมมือกันไปคุยกับผู้บริหารโรงเรียน พร้อมกับนำถังขยะที่เต็มไปด้วยภาชนะพลาสติกไปให้ดู เมื่อทางโรงเรียนเห็นว่าเด็ก ๆ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง โรงเรียนก็ยินดีที่จะทำตามข้อเสนอนั้น

เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงอะไรได้บ้าง

เมื่อพูดถึง CSR หลายคนจะคิดไปถึงการทำกิจกรรมที่มีเงินเป็นตัวตั้ง หากถามต่อไปว่ากิจกรรมใหญ่ ๆ ที่ผ่านมานั้น สร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรต่อสังคมได้บ้าง และถ้าไม่มีงบประมาณสนับสนุน คนขององค์กรนั้นยังคงเดินหน้าทำกันต่อไปด้วยตนเองหรือไม่ ถ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างที่ประชาสัมพันธ์เอาไว้

ในกระบวนการของ CSR นั้นสิ่งที่ควรจะต้องเกิดขึ้นในกระบวนการก็คือ การสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม

รูปธรรมก็คือสิ่งที่จับต้องได้และมองเห็นได้ เช่น การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต การปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ  มีกระบวนการจัดการของเสียที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ส่วนนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือการสร้างความตระหนัก ปลูกฝังจิตสำนึกให้คนในองค์กรไปพร้อมกัน

ทำไมเด็กชายชาลีเมื่อได้เห็นวิดีโอชุดนั้นจึงรู้สึกทันทีว่าต้องลงมือทำบางสิ่งบางอย่างแล้ว ขณะที่ใครหลายคนที่ได้ชมวิดีโอชุดนี้ไม่เคยคิดว่าจะทำอะไร

การสร้างปลูกฝังจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบจึงต้องทำพร้อมกับการสร้างความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change  Agent) ด้วย ทำให้คนกล้าคิด กล้าทำ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อองค์กรในอีกหลาย ๆ ด้าน เพราะองค์กรที่มีคนกล้าเปลี่ยนแปลงก็คือองค์กรที่พร้อมจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าตลอดเวลา

ระบบการศึกษาของตะวันตกสอนให้เด็กของเขาเป็นเช่นนั้น แม้ว่าของเราจะไม่ใช่ แต่องค์กรก็ยังสามารถสร้างได้

การทำ CSR ถ้าไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่มีวันที่จะไปสู่เป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือการร่วมมือกันฟื้นฟูโลกใบนี้ให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุขด้วยการเกื้อกูลกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เริ่มจากมือเล็ก ๆ ในองค์กรแต่ละองค์กรที่มารวมกัน แล้วคงสักวันโลกจะต้องเปลี่ยนแปลง

 

ที่มา: คอลัมน์ CSR Talk หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 7 กรกฎาคม 2557




Writer

โดย สุรีพันธุ์ เสนานุช

• วิทยากรอิสระ ด้านการถอดบทเรียนและการเขียนบทความวิชาการ
• ประสบการณ์ งานวิจัยและบรรณาธิการต้นฉบับ หนังสือกรณีศึกษาการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) ขององค์กรที่ได้รับรางวัล คุณภาพแห่งชาติ TQA และ TQC,
• โครงการวิจัยการถอดบทเรียนการจัดการความรู้ กรมอนามัย,
• ผลงานด้านหนังสือ บทบรรณาธิการ และบทความใน วารสาร Productivity World สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จำนวน 160 บทความ,
• ผลงานเขียนหนังสือ Visionary Leadership กรณีศึกษาโรงพยาบาลสงขลานครินทร์,
• ผลงานเขียนหนังสือ Tragedy of Lost โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ, Societal Responsibility กรณีศึกษาบริษัท สวิฟท์ จำกัด ของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ (งานเขียนร่วม) เป็นต้น