สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติจับมือโตโยต้าต่อเนื่องปีที่ 4 พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติและกลุ่มบริษัทโตโยต้า ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนาศักยภาพและยกระดับผลิตภาพผู้ประกอบการไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0” ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ของความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างสององค์กรที่มีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานการผลิตระดับสากลและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม 4.0 ความร่วมมือใน ครั้งนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรที่เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต ยุคใหม่มุ่งเน้นการเผยแพร่องค์ความรู้และ Best Practices ด้านการปรับปรุงกระบวนการผลิตจากผู้เชี่ยวชาญของโตโยต้า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568
คุณปวีณา นันทิกุลวาณิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า ออโต้ บอดี้ ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวถึงบทบาทและวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา เราได้ร่วมกันผลักดันโครงการ Toyota Manufacturing Development Program ถ่ายทอดองค์ความรู้จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจระดับโลกกว่า 75 ปีของโตโยต้า มาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของผู้ประกอบการไทย ผ่านเครือข่ายทางธุรกิจและองค์กรพันธมิตร ซึ่งช่วยส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมจากความร่วมมือดังกล่าว เราสามารถขยายผลการพัฒนาไปยังผู้ประกอบการได้มากกว่า 700 ราย คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 3 ล้านบาท ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งยืนยันถึงพลังของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและองค์กรพัฒนาที่มุ่งมั่นต่อเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างความแข็งแกร่งจากฐานรากของประเทศ สำหรับการลงนามในวันนี้ เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น ด้วยการขยายขอบเขตของโครงการ ให้สอดรับกับแนวโน้มอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่ Digital Transformation การพัฒนา Green Business
โดยบริษัท โตโยต้า ออโต้ บอดี้ ประเทศไทย จำกัด มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ขยายขอบเขตของโครงการให้ครอบคลุมผู้ประกอบการนอกภาคการผลิต (Non–Manufacturing) เพื่อสอดคล้องกับ Future Trends และธุรกิจที่มีศักยภาพต่อยอดนวัตกรรม เพื่อให้การพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยมีมิติที่หลากหลาย ครอบคลุม และตรงกับความต้องการของอนาคตมากยิ่งขึ้น มุ่งขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทยในด้านของผลิตภาพ คุณภาพ และนวัตกรรม พร้อมทั้งส่งเสริมความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและระดับสากล”
คุณสุรเชษฎ์ พลวณิช รักษาการผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรที่ช่วยยกระดับและขับเคลื่อนผลิตภาพผู้ประกอบการไทยว่า “ในปี 2568 นี้ ทั้งสองหน่วยงานได้ออกแบบโปรแกรมฝึกอบรมที่เข้มข้นขึ้น เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยุคใหม่ โดยโครงการ Toyota Manufacturing Development Program จะประกอบด้วยหลักสูตร ซึ่งมุ่งเน้นการเผยแพร่องค์ความรู้และ Best Practices ด้านการปรับปรุงกระบวนการผลิตจากผู้เชี่ยวชาญของโตโยต้า ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยได้เตรียมความพร้อมและก้าวสู่ความเป็นเลิศในยุคอุตสาหกรรม 4.0 และจากการร่วมมือที่ผ่านมาสามารถช่วยเพิ่มผลิตภาพของผู้ประกอบการไทยให้ สามารถปรับตัวและพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการกระบวนการผลิต และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อันนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งในประเทศและระดับสากล”
สำหรับโปรแกรมในปีนี้มีทั้งหมด 7 หลักสูตร ที่ออกแบบมาอย่างเข้มข้น มุ่งสร้างผลลัพธ์ ที่เป็นรูปธรรมผ่านกลยุทธ์สำคัญจากผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วย
- Starting the TOYOTA Way with Effective Production System กลยุทธ์ลดเพื่อเพิ่ม ควบคุมต้นทุน ค้นหาความสูญเปล่า
- TOYOTA “Karakuri Kaizen” Low Cost Automation for Productivity Improvement กระตุ้นไอเดียสร้างสรรค์ ประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติอย่างชาญฉลาดเพื่อปรับปรุงกระบวนการ
- TOYOTA Integrated Logistics & Material Flow Management ระบบการขนส่งที่เปี่ยมประสิทธิภาพ
- TOYOTA Standardized Work and Kaizen : The Kaizen Essential เสริมสร้างมาตรฐานการทำงาน
- TOYOTA Manpower Efficiency: Build Manufacturing Workflows วางแผนอัตรากำลัง เพื่อค้นหาศักยภาพที่แท้จริงและควบคุมค่าตอบแทน
- TOYOTA Shop Floor Management and Development System พัฒนาบุคลากรตามหลัก 3J สู่การเป็นมืออาชีพ
- TOYOTA Plant Management Requirement : Secret for Sustain Profitability แก้ปัญหากระบวนการผลิต ยกระดับประสิทธิภาพ สร้างองค์กรให้ยั่งยืน
พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษ ‘Seminar and Exclusive Plant Tour: Toyota Best Practice Forum 2025’ งานสัมมนาพร้อมเยี่ยมชมสายการผลิต ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง และนำองค์ความรู้ไปปรับใช้เพื่อยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
