21 กันยายน 2015

สถานการณ์โลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบสำคัญต่อประชากรโลก คือ “สภาพภูมิอากาศ” นั่นเอง โดย Thalif Deen กล่าวถึงวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกว่า เรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงอย่างมากในเวทีต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาสําคัญจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกที่ค่อยๆ สูงขึ้นจนเป็นภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจำนวน 4 ใน 10 คน อาจจะไม่เคยได้ยินคำว่า “climate change” การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากการกระทําของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม อันทําให้ส่วนประกอบของบรรยากาศโลกเปลี่ยนแปลงไป นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเกิดจากก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและมีคุณสมบัติในการดูดกลืนความร้อน ทําให้ความร้อนไม่สามารถระบายออกไปนอกบรรยากาศโลก ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นจากปรากฏการณ์เรือนกระจก ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ส่วนใหญ่คงจะทราบกันดีแล้วว่าขณะนี้มีสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสภาพดินฟ้าอากาศในท้องถิ่น ซึ่งมาจากผลการสำรวจครั้งใหม่ครอบคลุม 119 ประเทศ

เรื่องดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารด้าน วิทยาศาสตร์ “Climate Change” ผลการศึกษาพบว่าทั่วโลกต้องหันมาให้ความสำคัญกับการให้การศึกษา เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความตระหนักและความเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น คือการรับมือและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการลดหรือชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์มากกว่าที่จะเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในลาตินอเมริกาและยุโรป แต่ทว่าการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของท้องถิ่นหลายๆ ประเทศในแอฟริกาและเอเชียกลับเป็นปัจจัยที่สามารถบ่งชี้การคาดการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้นยังพบว่าความตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมาก เช่น ประชากรในประเทศอียิปต์ บังคลาเทศ และไนจีเรีย พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยรับรู้ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขณะที่ทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และญี่ปุ่น มากกว่าร้อยละ 90 ของผู้คนในแถบนี้ มีความตระหนักและทราบเรื่องนี้ดีถึงผลกระทบดังกล่าว

ทั้งนี้สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือจำเป็นต้องมีการพัฒนาให้เป็นกลยุทธ์เพื่อสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในแต่ละประเทศ แสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชากรในท้องถิ่นในมิติของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นซึ่งการมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยการวางแผน การจัดการ และการดําเนินการในภาวะปัจจุบันเพื่อพร้อมรับการปรับตัว การคาดการณ์อนาคตและการสนับสนุนจากประชาชน

Anthony Leiserowitz, ผู้อำนวยการ Yale Project on Climate Change Communication กล่าวว่า

“ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณกำลังเผชิญกับความเสี่ยง คุณจะหนีไม่พ้นความเสี่ยง เพราะคุณไม่ได้ดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมกับความเสี่ยงนั้นเลย”

ในสหรัฐอเมริกา จากการศึกษาพบว่าการมีส่วนร่วมของพรรคการเมืองและอุดมการณ์ทางการเมือง ได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับมุมมองเรื่องผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

อย่างไรก็ตาม ต้องปลุกกระแสดังกล่าวให้กับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพื่อให้ตื่นตัวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ต้องมีการย้ำเตือนให้เห็นภัยที่กำลังจะเกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ส่งผลให้พายุและคลื่นที่พัดเข้าหาชายฝั่งทะเล มีความถี่ ความรุนแรงเพิ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนทิศทาง เกิดการกัดเซาะรุนแรง แผ่นดินทรุดตัว จนสูญเสียเนื้อที่ตามแนวชายฝั่งเพิ่มขึ้น และปริมาณน้ำฝนที่เกิดจากพายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยง ต่อพลเมืองในเมืองหลัก ๆ ของสหรัฐอเมริกา รวมทั้ง บอสตัน นิวยอร์ก ฮูสตัน ซานดิเอโก และ ซานฟรานซิสโก

ชาวอเมริกันเกือบร้อยละ 40 ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเล จะได้รับการแจ้งเตือนถึงผลกระทบจากน้ำท่วมบนราบลุ่มชายฝั่งทะเลเป็นประจำ ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น และเขตพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งหากเกิดเหตุน้ำท่วมชายฝั่ง จะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

เมื่อสองปีที่แล้ว ธนาคารโลกได้มีการเตือนภัยที่จะเกิดขึ้นภายในปี ค.ศ. 2050 ถึงความเสียหายจากเหตุที่จะเกิดจากน้ำท่วมเมืองต่าง ๆ ของโลก ที่อยู่ชายฝั่งทะเล และในพื้นที่ลุ่มต่ำมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยง รวมถึงการกัดเซาะของชายฝั่ง การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลที่เกิดจากเกิดจากน้ำแข็งที่กำลังละลาย และการขยายตัวทางความร้อนของมหาสมุทร นับเป็นความเสียหายกว่าล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรง

Andrea Thompson of Climate Centrals ได้อธิบายไว้ว่า คลื่นขนาดใหญ่ในมหาสมุทร เกิดจากลมพายุ เช่น พายุเฮอริเคน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน ทั้งปริมาณน้ำฝนที่ตกหรือคลื่นลมที่ทำให้ระดับน้ำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามีการระบายน้ำไม่คล่องเท่าที่ควรเนื่องจากสภาวะน้ำท่วมขังตามถนนและไหลเข้าสู่บ้านเรือน

รัฐนิวยอร์ก ร่วมมือกับรัฐต่างๆ ทั้ง 24 รัฐของสหรัฐอเมริกาและประเทศหมู่เกาะต่าง ๆ ในแถบทะเลแคริบเบียน ต่างเคยพบกับความเสียหายจากภัยพิบัติอันเลวร้าย เมื่อครั้งที่พายุเฮอริเคนแซนดี้พัดผ่านได้พัดถล่ม ในปี 2012 ส่งผลให้ฝนตกหนัก จนเกิดน้ำท่วมกินบริเวณกว้างรวมถึงอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน การสัญจรทุกอย่างในเมืองหยุดชะงัก เกิดเหตุการณ์ไฟดับทั้งเมือง ความเสียหายที่เกิดขึ้นแค่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 65 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ

ดังนั้น สิ่งที่นานาประเทศต้องตระหนักคือ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องมีการเตรียมการพร้อมรับมือ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการกับความเสี่ยงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แหล่งที่มา : http://www.ipsnews.net/2015/07/nations-most-at-risk-have-least-familiarity-with-term-climate-change/




Writer

โดย พรพิมลพรรณ ดวงใจบุญ

เจ้าหน้าที่บริการฝึกอบรมอาวุโส ฝ่ายฝึกอบรม
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ